ดินแดนของผู้ถูกเนรเทศ

 




















<<< | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | >>>

Andrei Gortchakov (Oleg Yankovsky) นักเขียนรัสเซียกำลังหาข้อมูลในการเขียนหนังสือเกี่ยวกับนักแต่งเพลงชาวรัสเซีย Pavel Sosnovsky ซึ่งมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 18 และได้ย้ายมาปักหลักที่อิตาลีและตายที่นี่ Gortchakov เดินทางตามรอยมาจนถึงบ่อน้ำพุร้อนแห่งเซนต์แคทเธอรีนในอิตาลีพร้อมกับล่ามของเขา Eugenia (Domiziana Giordano) แต่ด้วยบรรยากาศและความงามของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ทำให้เขาทรมานกับความคิดถึงบ้าน ภรรยาและลูกในโซเวียต

ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มหมดความสนใจที่จะทำงานต่อ ที่นี่ Gortchakov ได้รู้จักกับคนแปลกๆคนหนึ่งชื่อ Domenico (Erland Josephson) ซึ่งเคยขังคนในครอบครัวของเขาไว้ถึง 7 ปีเพื่อรอวันสิ้นโลก คนในหมู่บ้านต่างก็บอกว่าเขาเป็นบ้า แต่ Gortchakov กลับคิดว่า “เขาไม่ได้บ้า แต่เขามีศรัทธาต่างหาก”

Domenico พาเขาไปยังบ้านที่เคยขังคนในครอบครัวเขา และขอร้องให้ Gortchakov ทำภารกิจอย่างหนึ่งให้เขา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในหมู่บ้านจะไม่ยอมให้เขาทำ...

Nostalghia (1983) เขียนบทโดย Tonino Guerra คนเขียนบทขาประจำของอันโตนิโอนี่ โดยการแนะนำของอันโตนิโอนี่เอง หนังได้รับทุนสร้างจาก RAI (Radiotelevisione Italiana - สถานีโทรทัศน์ของอิตาลี) และอีกส่วนจากโซเวียต โดยก่อนหน้านี้ RAI เป็นผู้ออกทุนสร้างให้ Tempo di viaggio (Voyage in Time, 1983) หนังสารคดีฉายโทรทัศน์ของทาร์คอฟสกี้ เมื่อเขาเดินทางมาอิตาลีและมี Guerra เป็นคนสัมภาษณ์ สถานที่หลายแห่งที่พวกเขาไป ต่อมาได้มาปรากฏอยู่ใน Nostalghia

โดยเฉพาะบ่อน้ำพุร้อนแห่งเซนต์แคทเธอรีนที่ตั้งอยู่ใน Bagno Vignoni ในอดีตบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานบำบัดบรรเทาอาการป่วย โดยตั้งชื่อตามเซนต์แคทเธอรีนแห่ง Siena ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มให้ศาสนจักรตะวันออก (Orthodox) และศาสนจักรตะวันตก (Roman Papal) กลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งหลังการแตกแยกครั้งใหญ่

แต่ความงามนี้ก็ไม่สามารถบรรเทาสภาพจิตใจของ Gortchakov ได้ เขาทรมานเนื่องจากการที่เขาไม่สามารถ “ประสานภูมิหลังของเขาในรัสเซีย เข้ากับความงามของอิตาลีได้” รัสเซียสำหรับเขาแล้วคือ แผ่นดิน แม่ ครอบครัว บ้านและจิตวิญญาณ ขณะที่อิตาลีคือวัฒนธรรมที่กำลังเสื่อม ศรัทธาล่มสลาย และพ่ายแพ้แก่วัตถุนิยม ทาร์คอฟสกี้ระบุว่า Nostalghia เป็นหนังรัสเซียแท้ๆ และชาตินิยมมาก

“ผมต้องการทำหนังเกี่ยวกับความรู้สึกคิดถึงบ้านของคนรัสเซีย – เกี่ยวกับสภาพจิตใจที่ทำร้ายชาวรัสเซียที่ต้องอยู่ห่างไกลแผ่นดินเกิด เป็นความผูกพันอย่างร้ายกาจต่อชาวรัสเซีย ต่อรากของพวกเขา อดีตของพวกเขา วัฒนธรรมของพวกเขา ที่เกิดของพวกเขา ครอบครัวและเพื่อน”

ทาร์คอฟสกี้มักย้ำชื่อของหนังเรื่องนี้ว่าคือ Nostalghia (นอสทัลเกีย) ไม่ใช่ Nostalgia (นอสทัลเจีย) (Nostalghia เขียนเหมือนกันทั้งในภาษารัสเซียและอิตาเลี่ยน)

"Nostalghia ของเรา ไม่ใช่ nostalgia ของคุณ มันเป็นประสบการณ์เฉพาะของคนรัสเซียเมื่อต้องอยู่ต่างประเทศ มันเป็นโรค เป็นอาการป่วย ที่ชะล้างพลังวิญญาณของเราไปจนสิ้น รวมถึงความสามารถในการทำงาน ความปรารถนาในการมีชีวิตอยู่"

“เขา (Gortchakov) รู้เป็นอย่างดีว่าประสบการณ์ในอิตาลีนั้นไม่อาจเยียวยาความเจ็บปวดภายในนี้ได้ รวมทั้งตระหนักรู้ว่าเขาไม่อาจแบ่งปันประสบการณ์นี้กับคนที่รักที่บ้านได้... สิ่งเหล่านี้เองที่ทรมานเขา แต่ขณะเดียวกันความต้องการที่จะเสาะหาคู่ชีวิตทางจิตวิญญาณ ก็กลับมารบกวนเขา ใครสักคนที่เข้าใจเขาและร่วมแบ่งปันประสบการณ์นี้ได้”

Gortchakov ปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์กับล่ามสาว แต่กลับจมอยู่กับ Domenico

“เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ผมต้องการแสดงถึงความยากลำบากในการอยู่ร่วมกัน และความรู้สึกชอบพอระหว่างกันเมื่อต่างคนต่างรู้จักกันเพียงเล็กน้อย มันง่ายที่จะทำเป็นคุ้นเคยกัน แต่ยากกว่าที่จะรู้จักกันจริงๆ...”

“เขาได้พบกับคนที่เหมือนกับเขา คือเข้าใจว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงนั้นเป็นไปไม่ได้... Domenico ก็ประสบกับการแตกร้าวภายในเช่นเดียวกัน: การไม่สามารถเชื่อมกับโลกทั้งมวลได้”

“Domenico เป็นตัวแทนของการแสวงหาความหมายของชีวิต ความหมายของอิสรภาพและความวิกลจริต หรืออีกอย่างหนึ่งคือเขามีสัมผัสและอารมณ์แบบเด็กๆ แต่ก็มีบุคลิกบางอย่างที่คนรัสเซียไม่มี คือขณะที่คนรัสเซียมักเจ็บปวดกับอะไรได้ง่าย และมักพบตัวเองติดอยู่ในวิกฤตการณ์ของชีวิต แต่คนบ้าชาวอิตาเลี่ยนคนนี้กลับเป็นคนธรรมดา ง่ายๆ และมักหาทางออกจากปัญหาต่างๆได้เสมอ”

“(Gortchakov) เห็นว่า ‘คนบ้า’ คนนี้เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยที่มั่นคงแข็งแกร่ง เชื่อมั่นในการกระทำของตัวเอง เขาจึงรู้สึกถูกใจในตัว Domenico และในตอนท้ายก็เขา (Domenico) นี่เองที่ช่วยพระเอกของเรา ให้กล้าที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องคิดและหาเหตุผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา”

“สิ่งที่ผมชอบที่สุดในตัวพวกเขาคือ ความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำของ ‘คนบ้า’ และความดื้อดึงของนักเดินทาง (Gortchakov) ในความพยายามที่จะบรรลุถึงปัญญาในระดับที่สูงขึ้น ความดื้อดึงนั้นผมเรียกมันว่าความหวัง”
Chaplin, Gideon Bachmann, no. 193, September 1984

ในตอนท้าย Gortchakov ทำตามคำสั่งเสียของ Domenico ด้วยการจุดเทียนเดินข้ามฝั่งของบ่อน้ำร้อน (ที่ถูกปล่อยน้ำออกแล้ว) โดยไม่ให้เทียนดับ

น้ำที่ถูกปล่อยออกจากบ่อนั้น มีคนตีความว่าคือ การเหือดแห้งทางจิตวิญญาณ ส่วนภารกิจของ Gortchakov คือการรักษาไฟแห่งจิตวิญญาณของมนุษยชาติไว้ และเมื่อเขาเดินไปถึงอีกฝั่งหนึ่งสำเร็จเพลง Ode to Joy ของ Beethoven ก็บรรเลงดังขึ้น

Nostalghia ได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากคานส์ แต่ทาร์คอฟสกี้เขียนในบันทึกของเขา (Time Within Time) ว่า เขาเชื่อว่าเหตุที่เขาไม่ได้รางวัลปาล์มทอง เพราะทางการโซเวียตสั่งให้ Sergei Bondarchuk กรรมการในปีนั้นเป็นคนจัดการ

 


ทาร์คอฟสกี้และ Andrei ลูกชายคนโต



ทาร์คอฟสกี้กับลูกชายคนเล็ก



ในยุคที่คนที่จะเดินทางออกนอกโซเวียตจะต้องเป็นศิลปินที่ได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น ด้วยรางวัลมากมายจากทั่วโลก ทาร์คอฟสกี้จึงได้รับสิทธิพิเศษในการเดินทางออกนอกประเทศ เขาถึงกับได้สร้างหนังที่เป็นการร่วมทุนกับประเทศตะวันตกอย่าง Nostalghia

แต่หลังจากถ่ายทำ Nostalghia เสร็จ เขาได้ทำเรื่องขอต่ออายุวีซ่าและขออนุญาตทำงานในประเทศตะวันตกต่อ ทาร์คอฟสกี้ส่งจดหมายไปถึงคณะกรรมการภาพยนตร์ของรัฐ (Goskino) เพื่อชีแจงเหตุผลว่า ตลอดระยะเวลา 22 ปีในรัสเซีย เขาได้รับอนุญาตให้สร้างหนังได้เพียง 5 เรื่องเท่านั้น ทั้งที่เขาทำงานไม่หยุดหย่อนในการวางแผนงาน เขียนบท หรือกำกับละคร แต่เวลาส่วนใหญ่กลับหมดไปกับการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่พยายามจะเข้ามาควบคุมตรวจสอบทั้งบทภาพยนตร์และตัวหนังที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว

(ขณะเดียวกันก็มีข้อแย้งว่าทาร์คอฟสกี้ทำหนังช้าเป็นปกติอยู่แล้ว ต่อให้เขาได้โอกาสมากกว่านี้ ก็คงจะไม่ได้ทำหนังมากไปกว่าเดิมนัก – หนึ่งในหนังที่ทาร์คอฟสกี้หวงแหน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สร้างคือการดัดแปลง The Idiots ของฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี้)

แม้สุดท้าย Larissa ภรรยาของเขาจะได้รับอนุญาตให้เดินทางมาสมทบกับทาร์คอฟสกี้ที่อิตาลีได้ แต่ลูกชายคนเล็กของเขา และครอบครัวของภรรยากลับไม่ได้รับอนุญาต ระหว่างที่รอคำตอบจากทางการโซเวียต เขาก็ได้กำกับโอเปร่าเรื่อง Boris Godunov และเตรียมงานสร้างหนังเรื่องถัดไป The Sacrifice

เมื่อเห็นว่าไม่มีคำตอบใดๆมาถึง เขาก็ตัดสินใจแถลงข่าวที่อิตาลี ในเดือนกรกฎาคม 1984 ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในตะวันตกต่อไป โดยไม่กลับไปโซเวียตอีก หลังจากนั้นก็ได้มีการรวมกลุ่มกันตั้งเป็นคณะกรรมการ เพื่อกดดันรัฐบาลโซเวียตให้อนุญาตให้ครอบครัวทาร์คอฟสกี้ได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง แต่กว่าจะสำเร็จก็เมื่อ ทาร์คอฟสกี้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วในช่วงปลายปี 1985 ขณะที่ในสหภาพโซเวียตชื่อของทาร์คอฟสกี้ก็ถูกปฏิบัติเหมือนบุคคลที่ไร้ตัวตน

กระนั้นทาร์คอฟสกี้ก็ยังถือว่าโชคดีกว่าเพื่อนผู้กำกับหนังคนอื่นในรัสเซียอย่าง เซอร์เก พาราดจานอฟ (Sergei Paradjanov) ผู้กำกับที่ทำหนังแบบกวีนิพนธ์เช่นเดียวกันอย่าง Shadows of Forgotten Ancestors (1964) และ Colour of Pomegranate (1968) เขาถูกจับกุมคุมขังจากข้อหาประพฤติผิดทางเพศแบบรักร่วมเพศในช่วงทศวรรษที่ 70 และได้ทำหนังหลังจากนั้นแค่ 2 เรื่อง ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 1990

ภาพสุดท้ายของ Nostalghia คือภาพของ Gortchakov นั่งอยู่กับสุนัขหน้าบ้านไม้แบบรัสเซีย และเมื่อกล้องค่อยๆซูมออกมา เราก็พบว่าทั้งหมดนี้ถูกโอบล้อมด้วยกำแพงโค้งของโบสถ์โรมันขนาดใหญ่ หรือทาร์คอฟสกี้กำลังจะบอกกับเราว่าเขาพร้อมที่จะอพยพไปสู่โลกใหม่แล้ว โดยจะขอเก็บไว้เพียงความทรงจำเก่าๆเท่านั้น หรือตรงกันข้าม เขากำลังทรมานต่อการโหยหาอดีตอย่างรุนแรง จนไม่อาจลบภาพ dacha ในความทรงจำออกไปได้

“ผู้ชายคนนี้ (Gortchakov) ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องมีเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ เขาไม่ยอมรับสนธิสัญญาปลอมๆที่ทำให้มนุษย์ต้องแตกต่างจากกัน... ถ้าคุณถามเด็กสักคนว่า เราควรทำอย่างไรเพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น เขาก็จะตอบว่าเราต้องเปิดพรมแดน (ระหว่างประเทศ) แน่นอน มันเป็นคำตอบที่ไร้เดียงสาและเป็นอุดมคติ แต่โดยพื้นฐานแล้วนี่เป็นคำตอบเดียว: หนังเรื่องนี้มีที่มาจากการปะทะกันของมุมมองที่บริสุทธิ์ของโลก กับสภาพความเป็นจริงของชีวิตของชายที่ต้องจากประเทศของเขาไป”

“ตัวเอกของเรื่องเป็นกระจกที่สะท้อนภาพของผมเอง ผมไม่เคยทำหนังที่สะท้อนสภาพจิตใจของตัวเองด้วยความรุนแรง และปลดปล่อยโลกภายในของผมได้ลึกซึ้งเท่านี้มาก่อน เมื่อได้เห็นผลลัพธ์สุดท้ายของมัน ผมรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนเรามองภาพตัวเองในกระจก”
Corriere della Sera, Maurizio Porro, May 16, 1983.

ทาร์คอฟสกี้กล่าวกับ Jerzy Illg และ Leonard Neuger ผู้สัมภาษณ์เขาชาวโปแลนด์ ในเดือนมีนาคม 1985 ว่า

“การอพยพย้ายถิ่นเป็นภาระที่แสนหนักหน่วง... จงพยายามอย่าย้ายออกไป ทำทุกอย่างที่คุณทำได้เพื่อไม่ต้องจากไป... เราไม่ควรจากแผ่นดินเกิด ไม่ว่าจะเป็นชาวโปล รัสเซียหรือสลาฟ ก็แล้วคุณจะหารากของสลาฟได้ที่ไหนอีกเล่า... "

"ผมมีเรื่องจะสารภาพ สำหรับผม ประเทศไทย เนปาล หรือทิเบต แม้แต่จีน – พวกเขาล้วนเป็นดินแดนที่มีแรงบันดาลใจทางจิตวิญญาณ มากกว่าฝรั่งเศสหรือเยอรมัน... แม้ผมจะรู้อย่างนั้น เข้าใจและชอบมัน แต่เราก็ถูกเลี้ยงดูมาแบบตะวันตก วัฒนธรรมรัสเซียซึ่งก็คือวัฒนธรรมตะวันตกในปัจจุบัน แต่จิตวิญญาณนั้น ความลึกลับเหล่านั้น ที่ผูกโยงเราไว้อย่างมั่นคงกับตะวันออก”
Z Andriejem Tarkowskim rozmawiają , Jerzy Illg, Leonard Neuger

เขาอุทิศหนัง Nostalghia ให้กับแม่


 
     
     
 
<<< | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | >>>