ทะเลสาบของความทรงจำ


 



Arseni Tarkovsky ปี 1939


Maria Ivanovna Vishnyakova


Andrei กับ Marina


Andrei Tarkovsky


Andrei กับ Marina


| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | >>>

อังเดรย์ ทาร์คอฟสกี้ (Andrei Arsenyevich Tarkovsky) เกิดในวันที่ 4 เมษายน 1932 ที่หมู่บ้านเล็กๆในเมือง Zavrzhe (Savrashye) ริมฝั่งแม่น้ำโวลก้า เขาเป็นบุตรชายของกวีคนสำคัญของรัสเซีย อาร์เซนี ทาร์คอฟสกี้ (Arseni Tarkovsky, 1907-1989) ซึ่งขณะนั้นทำงานเป็นนักแปลยังไม่มีผลงานกวีตีพิมพ์ และ มาเรีย อีวานอฟนา (Maria หรือ Maya Ivanovna Vishnyakova) ทั้งสองคนกำลังศึกษาอยู่ที่ Bryusov Institute (สถาบันทางวรรณกรรมของมอสโคว์) เมื่อตอนที่มาเรียท้อง ทำให้เธอต้องทิ้งการเรียนไป และไม่เคยได้ประกาศนียบัตรใดๆ แต่เธอก็ยังสนใจวรรณกรรมอยู่ตลอดมา และถ่ายทอดมันสู่อังเดรย์ด้วย

เดือนมิถุุุนายนปีเดียวกัน อาร์เซนีเดินทางกลับไปทำงานในมอสโคว์ และไม่เคยกลับมาอีกเลย ทั้งสองหย่าขาดจากกันเมื่ออังเดรย์อายุได้ 3 ขวบ และน้องสาวมารีนา (Marina) อายุได้ขวบครึ่ง พ่อเขาแต่งงานใหม่ ส่วนอังเดรย์อาศัยอยู่กับแม่โดยย้ายบ้านไปมอสโคว์ในปี 1935 มาเรียหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำงานเป็นคนพิสูจน์อักษรของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ขณะที่หมู่บ้านเกิดของอังเดรย์นั้น ต่อมาต้องจมอยู่ใต้น้ำภายหลังการสร้างเขื่อน


มาเรีย อีวานอฟนา กับ อังเดรย์ และ มารีนา ในปี 1935

ในช่วงสงครามโลกที่ 2 ครอบครัวทาร์คอฟสกี้ย้ายไปอยู่ทางชนบทของเมือง Yuryevets กับตายาย ในบ้านไม้เก่าในชนบทแบบรัสเซีย หรือ dacha (ซึ่งอังเดรย์หลงใหล และต่อมาปรากฏอยู่ในหนังยุคหลังของเขาแทบทุกเรื่อง) ขณะที่อาร์เซนีกำลังไปรบอยู่แนวหน้า อังเดรย์เล่าว่าในช่วงสงครามนั้น เป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยของเขา คือรอให้สงครามเลิกและรอให้พ่อกลับมา ครอบครัวทาร์คอฟสกี้ย้ายกลับไปมอสโคว์อีกครั้งในปี 1943 แน่นอนในที่สุดสงครามก็ยุติ ขณะอาร์เซนีกลับมาจากสงครามในสภาพที่เสียขาไปข้างหนึ่ง และไม่เคยกลับมาหาครอบครัวอีกเลย แต่ก็ยังส่งเงินมาให้อยู่ตลอด นั่นทำให้เขาทั้งเทิดทูนและเกลียดพ่อในเวลาเดียวกัน

แต่พ่อยังมีอิทธิพลอย่างมากในการทำงานศิลปะของเขา อังเดรย์นำบทกวีของพ่อหลายชิ้นมาใส่ไว้ในหนังอย่าง The Mirror (1975), Stalker (1979) และ Nostalgia (1983) ขณะที่แม่ของเขาปรากฏตัวใน The Mirror ทาร์คอฟสกี้กล่าวว่าเขาโตขึ้นมาในครอบครัวที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ ทั้งคุณยาย แม่ และน้องสาว กระนั้นเขาก็ยังมีโอกาสได้เจอพ่ออยู่บ้างหลังการหย่าร้างในมอสโคว์

เพื่อนของครอบครัวทาร์คอฟสกี้บรรยายลักษณะของเด็กชายอังเดรย์ว่า เป็นเด็กเรียบร้อยสงบเสงี่ยม ดูเหงาๆ แต่บางครั้งก็ขี้งอนและดื้อ และมักทำให้แม่เสียใจ เขาโตขึ้นมาเป็นเด็กกระตือรือร้น และต่อต้านความพยายามของแม่ที่จะส่งเสริมเขาในเรื่องศิลปะ เขาเรียนดนตรีและวาดรูป แต่ต่อมาก็เลิกไป เอาแต่เล่นฟุตบอลและทะเลาะวิวาท กระนั้นมาเรีย อีวานอฟนา ก็ยังส่งเสริมให้เขาร่ำเรียนทางศิลปะอย่างเต็มกำลัง


มาเรีย อีวานอฟนา (ถ่ายโดยอังเดรย์และรวมพิมพ์ในหนังสือ Instant Light)

ช่วงวัยรุ่นเขากลายเป็นหนุ่มสำอาง ชอบแต่งตัว และมักคุยเรื่องศิลปะกับพ่อยามได้พบกัน เขาอ่านหนังสือของพ่อ ฟังเพลงที่พ่อฟัง (โดยเฉพาะ Bach) น้องสาวของเขาเล่าว่าอังเดรย์พยายามแม้จะเลียนแบบลายมือของอาร์เซนี เพื่อนมัธยมปลายของเขาก็เล่าว่ามักเห็นอังเดรย์หนีบงานเขียนของพ่อไปทุกหนแห่ง

“มันเป็นเรื่องยากที่จะระบุอย่างแน่ชัดถึงอิทธิพลของพ่อที่มีต่อผมในฐานะกวี เขามีอิทธิพลต่อผมในทางชีววิทยา ในระดับจิตใต้สำนึกมากกว่า... แต่ผมคิดว่าพ่อไม่มีอิทธิพลกับผม (หมายถึง) อิทธิพลภายใน ทุกสิ่งที่เป็นตัวผมนั้นล้วนมาจากแม่ แม่เป็นคนช่วยให้ผมพบตัวเอง และแม้แต่ในหนัง (The Mirror) คุณก็จะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เรามีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากเพียงใด มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย แล้วอยู่ๆแม่ก็ถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง... แม่ไม่เคยแต่งงานอีกเป็นครั้งที่สอง เธอรักสามีของเธอ พ่อของผม ตลอดชีวิต แม่เป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก เป็นเหมือนนักบุญ”
Z Andriejem Tarkowskim rozmawiają; Jerzy Illg, Leonard Neuger, Res Publica (1), Warsaw 1987.

อังเดรย์เรียนสาขาภาษาอารบิคในสถาบันภาษาตะวันออกมอสโคว์ (Moscow Institute of Oriental Languages) ในปี 1951 ไม่ใช่เพราะว่าเขาสนใจ แต่เป็นเพราะเขาเห็นว่าเป็นสถาบันชั้นสูงที่มีเกียรติ แต่เมื่อพบว่ามันยากและไม่เหมาะกับเขา อังเดรย์ก็ลาออกในปีที่ 2 แม่เขาจึงตัดสินใจ ‘เนรเทศ’ เขาไปทำงานสำรวจทางธรณีวิทยาในไซบีเรีย ที่นั่นอังเดรย์ได้ตัดสินใจว่าเขาจะเรียนภาพยนตร์

อังเดรย์เข้าศึกษาในโรงเรียนภาพยนตร์มอสโคว์อันโด่งดัง (VGIK - Moscow film school) ในปี 1954-1960 ที่นั่นเขาได้พบกับอาจารย์ที่ส่งอิทธิพลต่อเขาอย่างสูง Mikhail Romm (Nine Days In OneYear (1961), Ordinary Fascism (1964)) ผู้ซึ่งได้สอนบทเรียนสำคัญแก่เขาว่า ไม่มีใครสามารถสอนให้คนอื่นกลายเป็นผู้กำกับได้หรอก งานหลักของเขาคือการช่วยให้พวกเขาได้คิด (ถึงศิลปะ) หรือไม่เช่นนั้นก็หลีกหนีไปให้ไกล ทาร์คอฟสกี้ระบุในภายหลังว่า ‘เขาสอนผมให้เป็นตัวผมเอง’

Romm ไม่เหมือนอาจารย์คนอื่นใน VGIK เขาสอนให้นักเรียนของเขาคิดอย่างอิสระ และบางครั้งก็ให้นักเรียนวิจารณ์หนังที่เขาทำด้วย เพื่อนของอังเดรย์, Alexander Gordon (ที่ต่อมากลายเป็นน้องเขยของอังเดรย์) เล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่นักเรียนในห้องสับหนังของ Romm เรื่อง Murder on Dante Street (1956) ซะไม่มีชิ้นดี และในห้องเรียนนี้เองที่อังเดรย์ได้พบกับ Irma Rausch ภรรยาคนแรกของเขา

ระหว่างนั้นเขาทำหนังสั้นหลายเรื่อง เช่น The Killers (1958) และ There Will Be No Leave Today (1959) ที่ได้ฉายทางโทรทัศน์ รวมถึงหนังวิทยานิพนธ์ The Steamroller and the Violin (1960) ซึ่งเขาเขียนบทร่วมกับ Andrei Konchalovsky ผู้ซึ่งต่อมาก็เป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์คนสำคัญของรัสเซีย


 
   
     
     
 
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | >>>