PIER PAOLO PASOLINI
ภาคต้น : บทเพลงของคนบาป (2)

 


 


หน้าก่อน | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | หน้าต่อไป

Rome , Open City

ในโรม พาโซลินี่กับแม่อาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆใจกลางเมือง เขาทำงานหาเลี้ยงชีพหลายอย่าง ตั้งแต่งานพิเศษในโรงหนัง สอนพิเศษ ฝ่ายตรวจทานคำผิด กระทั่งตั้งแผงขายหนังสือ ในช่วงนั้นเป็นช่วงหลังสงคราม ที่คนในชนบทต่างหลั่งไหลเข้ามาหางานในโรม เกิดสลัมผุดขึ้นมากมายตามชานเมือง ขณะที่รัฐบาลก็ไม่มีเงินมาจัดการ กับคุณภาพชีวิตของคนเหล่านี้ ซึ่งถูกเรียกว่า borgata

พาโซลินี่เขียนบทความหลายชิ้น แต่ส่วนใหญ่กลับส่งไปลงในหนังสือของฝ่ายซ้ายในพรรค Christian Democrats ซึ่งเปิดกว้างต่อความคิดเห็นหลากหลาย บทความชิ้นหนึ่งของเขาที่พูดถึงปัญหาของเด็กสลัม เปิดโอกาสให้เขาได้เดินทาง ไปสัมผัสสังคมที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เป็นสังคมที่ไม่อยู่ในหนังอย่าง Roman Holiday

กรกฎาคม 1951 พ่อของเขาตามมาที่โรม ก่อนที่ทั้งหมดจะย้ายออกไปอยู่ในบ้านเช่าโทรมๆใน Rebibbia “ในย่านคนยากจน ในสลัมห่างไกลชุมชน ที่นั่นผมเริ่มต้นเขียนงานกวีนิพนธ์.. ที่แท้จริง” ส่วนนายทหารปลดประจำการก็หาจุดลงตัวในครอบครัวได้ เขากลายมาเป็นเลขาของลูกชาย คอยเก็บเอกสาร ตรวจทาน และส่งไปรษณีย์


พาโซลินี่กับแม่

ระหว่างนั้นเขาหาเงินใช้ด้วยการเขียนบทภาพยนตร์ งานสำคัญชิ้นหนึ่งก็คือการช่วยเขียนบทพูด ให้กับหนังของเฟลลินีเรื่อง Night of Cabiria (1956) ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ของเขากับผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่ ที่ต่อมายังขอให้เขาช่วยอีกครั้งใน La Dolce Vita หนังเรื่องสำคัญของเฟลลินี

 




ปี 1955, Ragazzi di Vita (Boys of life) นวนิยายเล่มแรกของเขาก็ได้รับการตีพิมพ์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กสลัมชื่อ Riccetto และเพื่อนๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงจรเสื่อมโทรมต่างๆในมุมมืดของโรม หาเลี้ยงชีพโดยการขายตัว ลักเล็กขโมยน้อย อาศัยอยู่ท่ามกลางกลิ่นกองขยะ และดูเหมือนจะไม่มีวันหนีออกไปจากสภาพเช่นนี้ได้ หนังสือขายได้ไม่มากนัก แต่พอถึงกลางปี ก็กลับถูกฟ้องร้องในข้อหา ‘แสดงพฤติกรรมหยาบโลนต่อสาธารณขน’ จากการใช้คำหยาบคายอยู่หลายครั้งในเล่ม ทั้งที่จริงๆแล้วคือภาษาจริงๆที่คนพวกนี้ใช้กัน แต่ Ragazzi di Vita ก็ได้รับรางวัลทางวรรณกรรมหลายชิ้นเป็นการตอบแทน และกลายเป็นหนังสือขายดีในภายหลัง คดีนี้เป็นคดีแรกในทั้งหมด 33 คดีนับจากนี้ที่เกี่ยวข้องกับงานเขียน และภาพยนต์ของเขาตลอด 20 ปีต่อมา

ในปี 1955 พาโซลินี่ยังร่วมกับเพื่อนก่อตั้งนิตยสารวรรณกรรมชื่อ Officina ที่ต่อมากลายเป็นหนังสือที่มีอิทธิพลต่อวงการ แม้จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงห้าปี Officina รวบรวมงานเขียนของนักเขียนคนสำคัญของอิตาลีมาไว้ได้แทบทุกคน ตั้งแต่ Giorgio Bassani, Attilio Bertolucci, Carlo Emilio Gadda จนถึง Italo Calvino

Le ceneri di Gramsci (The ashes of Gramsci) รวมบทกวี 11 ชิ้นในช่วงปี 1951-1956 ของพาโซลินี่กลายเป็นข้อพิสูจน์ อัจฉริยภาพของเขาในฐานะกวี บทกวีชิ้นที่มีชื่อเดียวกับหนังสือ พูดถึงการเดินทางไปเยี่ยมหลุมศพของ Antonio Gramsci (1891-1937) นักทฤษฎีการเมืองคนสำคัญของอิตาลี และเป็นผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ เขาใช้ชีวิตสิบปีสุดท้ายในคุก หลังจากพยายามต่อสู้กับมุสโสลินี หนังสือได้รับความสำเร็จท่วมท้น ในฐานะกวีนิพนธ์ที่สำคัญที่สุดของอิตาลีหลังสงคราม

19 ธันวาคม 1958 Carlo Alberto Pasolini สิ้นใจจากอาการตับแข็งเนื่องจากการดื่มเหล้าจัด พาโซลินี่นำร่างของเขากลับไปฝังที่ Casarsa ต่อมาเขาเขียนจดหมายถึงเพื่อนเล่าถึงพ่อว่า
ในวันสุดท้ายของเขา เขามีใบหน้าที่ราวกับจะพูดว่า ‘แกไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังจะตาย?’ แต่ผมก็ยังใจแข็งไม่สนใจเขา เขาต้องการจะตาย เขาไม่เคยเอาใจใส่ตัวเอง เขาไม่มีอะไรเหลืออยู่ในโลกนี้ นอกจากความทรมานอย่างสิ้นหวังของเขา ความเกลียดชัง ความต้องการที่จะเป็นคนอื่น เพื่อที่จะรักและถูกรัก” …

ในส่วนลึกของพาโซลินี่แล้วพ่อของเขาเป็นตัวแทนของคนชั้นกระฎุมพี คนเมืองและหลักศีลธรรมที่เข้มงวด จนบางครั้งเย็นชา ขณะที่แม่เป็นตรงกันข้าม เธอเป็นคนชนบท เป็นตัวแทนของความอบอุ่น ความบริสุทธิ์ ความสุขและชีวิต…

 


ปี 1959 Una vita violenta (A Violent Life) นวนิยายเรื่องที่สองของเขาที่ยังเกี่ยวกับเด็กสลัมเช่นเคย ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า Calvino ถึงกับกล่าวว่านี่เป็นหนังสือที่เขาฝันว่าอยากจะเป็นคนเขียนซะเอง ถึงตอนนี้คนที่หมั่นไส้เขาต่างก็ขุดเอาคดีเก่าที่ Ramuscello ออกมารื้อฟื้นกัน

29 มิถุนายน 1960 ขณะที่เขาขับรถเที่ยวอยู่กับเด็กข้างถนนสองคนที่รู้จักกัน เด็กคนหนึ่งมองออกไปนอกรถเห็นชายกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กัน เขาจำคนที่กำลังถูกล็อคอยู่ได้ ทั้งหมดจึงลงไปช่วยพาเขาออกจากที่นั่น เจ็ดโมงเช้าวันรุ่งขึ้นเขาถูกตำรวจจับ ข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่และช่วยผู้ต้องหาหลบหนี!!

แค่สิบวันหลังจากนั้น เขาไปปรากฏตัวที่ชายหาด Anzio ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเด็กหนุ่มๆใช้เป็นที่พบปะกัน เขาเดินไปคุยกับเด็กชายอายุ 13 สองคน แล้วก็เดินออกไปกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร หนึ่งสัปดาห์ต่อมา หนังสือพิมพ์ทุกฉบับตีพิมพ์เหตุการณ์นี้อย่างละเอียด และอ้างว่าหลังจากได้พูดคุยกับเด็กแล้วพบว่าพาโซลินี่ได้พูดจาล่อลวงเด็กทั้งสอง ทว่าแต่ละฉบับกลับลงรายละเอียดไม่เหมือนกันเลย!! ดูเหมือนตอนนี้เขาจะกลายเป็นตัวสร้างข่าวชั้นเยี่ยมไปเสียแล้ว

 
 
หน้าก่อน
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | หน้าต่อไป